,
/ / ชื่อต้น : มะขามหวาน

ชื่อต้น : มะขามหวาน

วิธีการปลูก : มะขามหวานปลุกได้ดีในพื้นที่ที่ฝนตกไม่มากนัก น้อยมขยายพันธุ์โดยการทาบกิ่ง การเตรียมหลุมปลูกขนาด 50x50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ ใช้ระยะปลูก 8x8 เมตร ช่วงติดดอกออกผลเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์

การดูแลรักษา : หลังปลูกใหม่ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ การให้ปุ๋ยหลังการเก็บเกี่ยวใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 20-30 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี และใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 บำรุงต้นและผล ระยะก่อนออกดอกใช้สูตร 12-24-12 หรือ 8-24-24 และระยะก่อนเก็บเกี่ยว 1-2 เดือน ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 1 ใน 3 ของเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม (ไม่เกินครั้งละ 2 กิโลกรัม)

โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ : โรคราแป้ง พบรอยแผลบนยอดใบอ่อนมีสีซีด มีผงละเอียดสีขาวบนใบและใต้ใบ ป้องกันกำจัดโดยตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง ถ้าพบการระบาดมากกว่า10% พ่นด้วยสารเคมี เช่น สารกำมะถันผง โรคฝักเน่า สำรวจการเกิดเส้นใบของเชื้อราในระยะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลจนถึงฝักแห้งป้องกันกำจัดโดยถ้ามีฝนตกติดต่อกันควรเริ่มพ่นสารเคมีกำจัดโรคพืช เช่น สารคาร์เบนดาซิม จำนวน 1-2 ครั้ง ห่างกัน 7-10 วัน หยุดพ่นสารก่อนเก็บเกี่ยว 14 วัน
แมลงนูนหลวง ป้องกันกำจัดโดยพ่นด้วยสารเคมี เช่น สารคาร์บาริล หนอนคืบละหุ่ง สำรวจการเข้าทำลายทุก 7 วัน ในช่วงการแตกใบอ่อนป้องกันกำจัดโดยพ่นด้วยสารเคมี เช่น สารคาร์บาริล ไรแดง เข้าทำลายดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ช่อดอกแห้งและร่วง ป้องกันกำจัดโดยพ่นด้วยสารอามีทราช จำนวน 1-2 ครั้ง ห่างกัน 7-10 วัน หนอนเจาะฝัก สำรวจการเข้าทำลายฝักระยะเมล็ดสีเขียวใสถึงฝักเริ่มสุก ป้องกันกำจัดโดยฝักมะขามที่มีร่องรอยการทำลายมาเผาทำลายหรือพ่นด้วยสารคาร์โบซัลแฟน หยุดพ่นสารก่อนเก็บเกี่ยว 14 วัน

คุณค่าอาหารและสรรพคุณ : ผลมะขามให้คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ และประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายตัวเช่น กรดทาทาลิก กรดซิตริก เป็นต้น กรดเหล่านี้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ และลดความร้อนของร่างกาย การแพทย์แผนไทยเชื่อว่า รสเปรี้ยวจากมะขามเปรี้ยวนี้จะช่วยกัดเสมหะให้ละลายได้ น้ำมะขามดื่มแก้กระหาย คนโบราณใช้น้ำมะขามละลายกับน้ำเกลือ สวนทวารแก้ท้องผูก และดื่มแก้กระหายน้ำ กับทั้งเป็นยาขับเลือดลมของผู้หญิงหลังคลอดบุตรใหม่ๆ น้ำมะขามเปียกยังใช้ขัดเครื่องเหลือง เครื่องเงินให้เป็นเงางามอีกด้วย
ยอดอ่อนและฝักสด มีแคลเซียม ฟอสฟอรัสและวิตามินซีมาก ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ไม่เปราะง่าย และช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคเพิ่มขึ้น มีธาตุเหล็ก ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง มีเบต้า-แคโรทีน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา
ใบมะขามมีแคลเซียม เส้นใย และฟอสฟอรัสใช้บำรุงเป็นยาแก้โรคบิด แก้ไอ ใช้ต้มน้ำรวมกับหัวหอมโกรกหัวเด็กแก้หวัดคัดจมูก เมล็ด มีมิวซิเลจสูง ไขมัน คาร์โบไฮเดรต น้ำมันชนิด semidrying fixed oil และอื่นๆ เมล็ดคั่วไฟและกะเทาะเปลือกออกกินแก่อาการท้องร่วง แก้อาเจียน แก่นมะขามแก้ฝีในมดลูก อาการสะอึก และรักษาโรคบิด